จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

การท่องเที่ยวทางน้ำของทวีปยุโรป

เมืองอิสตันบูล ตุรกี

  •  ตุรกี (Turkey) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป

  • ที่ตั้ง
    ส่วนหนึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป (ร้อยละ 3) อีกส่วนหนึ่งอยู่ในเอเชียตะวันตก ทิศเหนือติดทะเลดำ ทิศตะวันออกติดประเทศจอร์เจียและประเทศอาร์เมเนีย ทิศใต้ติดประเทศอิรัก ประเทศซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือจดประเทศบัลแกเรียและประเทศกรีซ


  • เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ( Bosphorus)  ซึ่งหมายความว่า ประเทศตุรกีเป็นประเทศเดียวในโลกที่พื้นที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั้น คือ ทวีปเอเชีย และ ทวีปยุโรป  ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเป็นพรมแดนระหว่างตุรกีที่อยู่ในทวีปยุโรป กับ อานาโตเลียของเอเชีย  เป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกีคู่กับช่องแคบดาร์ดาแนลส์ทางตอนใต้ที่เชื่อมกับทะเลอีเจียน  ช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือและช่องแคบดาร์ดาแนลส์ทางตอนใต้เชื่อมระหว่างทะเลดำ กับทะเลมาร์มารา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  ช่องแคบบอสฟอรัสยาว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุด 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุด 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร  ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นมาก

  • ในอดีตเมืองอิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น  จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ไบแซมเทียม  คอนสแตนติโนเปิล สแตมโบล อิสลามบูล เป็นต้น  คำว่า '' อิสตันบูล" มาจากภาษากรีก แปลว่า " ในเมือง"   หรือ   "ของเมือง"   เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่สวยงาม คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายความเป็นยุโรปอีกฝากหนึ่ง และกลิ่นอายของเอเชียอีกฝากหนึ่ง



 การท่องเที่ยวทางน้ำของเมืองอิสตันบูล ช่องแคบบอสฟอรัส

     ชื่อบอสฟอรัส มาจากเทพปกรณัม Bous แปลว่าแม่วัวในภาษากรีกโบราณ poros หมายถึงทางข้าม
‘Bosphorus’ จึงมีความหมายว่าทางแม่วัวข้าม แม่วัวเคยเป็นหญิงงามที่มีชื่อว่า ไอโอ (Io) ซึ่งซุส ราชาแห่งเทพเจ้ามีสัมพันธ์ด้วย เมื่อเฮรา มเหสีของซุสรู้เรื่อง ซุสจึงกลบเกลื่อนด้วยการสาปไอโอให้เป็นแม่วัว แต่เฮราผู้ชาญฉลาดได้ให้แมลงดูดเลือดต่อยไอโอที่สะโพกแล้วไล่เธอออกไปจากช่องแคบ 

เมื่อก่อน การข้ามช่องแคบบอสฟอรัสจากฝั่งยุโรปสู่ฝั่งเอเชียต้องใช้เรือเท่านั้น และถ้าแม่น้ำเป็นน้ำแข็งก็ข้ามไปไม่ได้ แต่เมื่อถึงปลายปี ค.ศ. 1973 สะพานบอสฟอรัสซึ่งได้กลายมาเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับสี่ของโลก สร้างเสร็จสมบูรณ์ การคมนาคมข้ามแดนจึงเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น แต่หลังเปิดใช้ก็เกิดปัญหารถติดบนสะพานอย่างหนัก จึงต้องสร้างสะพานแห่งที่สอง คือ สะพานฟาติห์ และแห่งที่สามกำลังร่างแบบกันอยู่

ถึงอย่างไรเรือก็ยังเป็นทางเลือกที่นิยมอยู่ ทั้งสำหรับชีวิตประจำวันของชาวอิสตันบูล และสำหรับ
นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย เรือล่องบอสฟอรัสมีทั้งแบบเรือโดยสารที่จอดตามท่าต่างๆ และแบบเหมาลำ เส้นทางยอดนิยมเป็นเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือเอมิโนนูไป อนาโดลู คาวาอือ เรือจอดป้ายแรกที่เบชีคตัส  หรือพิพิธภัณฑ์เรือ (ฝั่งยุโรป) ผ่านพระราชวัง โดลมาบาเช ถัดมาคือพระราชวังชีราอาน เคยเป็นที่ประทับของสุลต่านอับดุลอาซิซ ถูกไฟไหม้ในทศวรรษ 1920 ปัจจุบันเป็นโรงแรมชีราอาน โฮเตล เคมปินสกี้ อันเลิศหรู ตรงข้ามกันเป็นฝั่งเอเชียที่เรียกว่า เฟติ อาห์เมต ปาซา ยาลึ เรียงรายไปด้วยเรือนไม้ฤดูร้อน และสถานทูตต่างชาติในยุคออตโตมัน



ใต้สะพานบอสฟอรัสฝั่งยุโรปเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสีสัน ทั้งหอศิลป์ บาร์ ร้านอาหารมีระดับ บริเวณนี้ในอดีตเป็นหมู่บ้านออร์ตาเคอย์ ถัดมาคือ เบย์เลอร์เบยี ซารายึ ตำหนักเล็กขนาด 30 ห้อง ของสุลต่านอับดุล  อาซิซ จากนั้นเรือจะล่องสู่ย่านชานเมืองที่สงบและมีเสน่ห์แบบโบราณ อย่าง คานลึจา ที่มีโยเกิร์ตอร่อยขึ้นชื่อ อาร์นาวูตเคอย์ (หมู่บ้านอัลบาเนีย) และอานาโคลูฮีซารึ (ปราสาทอนาโตเลีย) ที่อยู่บนฝั่งเอเชีย ส่วนที่อยู่เยื้องกันบนฝั่งยุโรปเป็น รูเมลีฮีซารึ (ปราสาทเธรซ หรือปราสาทเครื่องตัดคอ) ที่สร้างโดยสุลต่านเมห์เมตผู้พิชิต ปราสาททั้งสองดูงามแปลกตาและไม่ค่อยน่ากลัว แต่ในอดีตคือเคยใช้เป็นที่บัญชาการและติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ในการตัดความช่วยเหลือที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะได้รับ เพื่อจะปิดล้อมกรุงในปี ค.ศ. 145


                เมื่อเรือลอดใต้สะพานลอดช่องแคบแห่งที่สอง (สะพานฟาติห์) เสียงอึกทึกในตัวเมืองจะแผ่วลง เหลือแต่เสียงหวูดเรือประมงเล็กๆ ที่กลับจากหาปลาตอนกลางวัน และเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียและโรมาเนียที่แล่นเข้าออกช่องแคบบอสฟอรัสและดาร์ดาแนลส์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพอดีตที่รัสเซียถือเอาช่องแคบตุรกีเป็นกุญแจปิดล็อกประตูหลังบ้านของตน

ท่าเรือปลายๆ ทางมีตลาดปลาและร้านอาหารทะเลจำนวนมาก ทั้งท่าเรือเยนีเคอย์, ซารีแยร์, เบย์คอซ และท่าสุดท้ายที่ อนาโดลู คาวาอือ ลองเลือกสักร้านเพื่อชิมอาหารทะเลสดๆ ที่ปรุงอย่างอร่อย เป็นการซึมซับกลิ่นอายของอิสตันบูล นครแห่งพันหนึ่งราตรี

ค่าโดยสารเรือล่องบอสฟอรัส

เรือโดยสารแบบเฟอร์รี่ :
เที่ยวเดียว (ต่อคน) 1.75 ยูโร (87.50 บาท) ไป - กลับ 3.75 ยูโร (187.50 บาท) เวลาออก 10.30 น. และ 13.35 น.

เรือโดยสารแบบส่วนตัว :ประมาณคนละ 10 ยูโร (ต่อรองได้) เรือจะแล่นโดยไม่หยุดแวะจนไปถึงปราสาทเธรซ ถึงจะหยุดให้ขึ้นจากเรือไปรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะแล่นกลับ ใช้เวลาทั้งหมด
ประมาณ 3 ชั่วโมง เรือเที่ยวแรกออกเวลา 10.30 น. และสิ้นสุดในเวลา 18.00 น. สำหรับฤดูร้อน และ 16.00 สำหรับฤดูอื่น *** ซื้อตั๋วและลงเรือที่ท่าเรือเอมิโนนู




              นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะ มีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจะกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่า กรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง   ในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น


                                               ช่องแคบบอสฟอรัส




                                               Bosphorus Bridge




                                         ภาพบรรยากาศการล่องเรือ





















 

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เที่ยว บ้านม้ง ดอยปุย :))

ไปเที่ยว บ้านม้งดอยปุยที่เชียงใหม่ เหมารถแดงไป 1200 บาท ทั้งวัน



                                                          บรรยากาศโดยรอบ


หน้าหมู่บ้าน




                           
                            เส้นทางการเดินจะเป็นแบบวงกลม เข้าไปได้ไม่กี่เมตรก็เจอ ยิงหน้าไม้




พรีเซนเตอร์ยิงหน้าไม้




วัฒนธรรมยังคงเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีเครื่องซักผ้าด้วย




ทางเดินขึ้นไป เป็นทางที่ใช้ในหมู่บ้าน


ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน




สะพานข้ามไปบ้านอีกหนึ่งหลัง





                                                  บ้านบางหลังก็ติดจานดาวเทียมแล้ว





น้อง วีวัน น่ารักมาก





ที่นี่ก็มี ตู้ไปรษณีย์



                                                          ป้ายบอก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

                                                           


บ้านหลังนี้ เป็นบ้านของคุณลุงจูหยี่ ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ ที่ให้เข้าไปชมในบ้าน




                                                             ความเป็นอยู่ ภายในบ้าน




                                            คุณป้า กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง




มีรูปรับปริญญาด้วย  คุณลุงบอกว่า มีเด็กจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาฝึกงานที่นี่เหมือนกัน








                                                    เค้านอนกันแบบนี้จริงๆ คงหนาวหน้าดู




                                                              เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอนี่





ข้างในรวบรวมของต่างๆในอดีต 






























ชุดชาวเขา





อันนี้ เป็นบ้านตัวอย่าง




                                                                 เค้าอยู่กันแบบนี้





ทางเข้า




                                                                  ที่จอดรถ




มีบริการเช่าชุดชาวเขา





สวยๆ ทั้งนั้น เลือกเองได้ค่ะ




ครอบครัวของเรา








                                                               บรรยากาศดีมากค่ะ






                                                        ดอกไม้ ต้นไม้ สวยๆทั้งนั้น




เด็กๆ ชาวเขา





บรรยากาศเย็นๆ


                                                                มองจากมุมสูง









ไปตอนวันพ่อที่ผ่านมา  คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน






รูป หลุดๆ ของครอบครัวเรา








พอเดินลงจากที่ให้เช่าชุดชาวเขา ก็จะเจอ ตู้บริจาค




มีโรงเรียนบนดอยด้วย





                                                    เสียดายมากค่ะ  ไม่ได้เข้าไป เวลามีน้อย





ด้านในก็มีน้ำตกอีก






สาวน้อยชาวเขา ขายสตอร์เบอรี่





สินค้า ที่ขายบนดอย ส่วนมากมาจากโครงการหลวง ของฝากเยอะมากค่ะ























คุณยาย นั่งเย็บผ้า




































มีร้านอาหารคอยให้บริการ














ข้าวซอยบนดอย  อร่อยมาก








แล้วก็เดินมาจนถึงทางออก





แล้วก็เดินทางกลับที่พักกันค่ะ